Present Simple Tense  

  โครงสร้าง  Subject+Verb ช่องที่ 1   
        ประธาน (Subject)                    Verb to be
                 I                                                                                        am
                 He,She,It     (เอกพจน์)                                                     is
                 We,You,They   (พหูพจน์)                                            are

  กฏการใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน 
   1.ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ( he,she,it หรือคำนามอื่นๆ ) จะต้องใช้กับกริยาที่เติม s เสมอ เช่น
      He walks.,The man walks. She speaks.,The son moves.,It moves.
   2.ประธานสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 ( I,You,We,They หรือคำนามอื่นๆ) จะต้องใช้กับกริยารูปแบบปกติ เช่น I agree with you.,They  like Thai songs.,We enjoy   playing           table tennis.

  กฎการเติม S ที่คำกริยา    
      1. เติมเข้าไปที่ท้ายคำกริยานั้นๆ เช่น Walks,run,speak,moves,gets,spends ,helps, ect.
      2.เติม es เมื่อคำกริยาลงท้ายด้วย s,ss,sh,ch,x,o เช่น goes, kisses, ect.
      3.กริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้ว เติม es เช่น fly เปลี่ยนเป็น flies คำกริยาที่คล้ายกัน fly เช่น cry, try .ect (ยกเว้น ถ้าหากหน้า y เป็นสระให้เติม s ได้ทันที เช่น Play เป็น          Plays

      ประโยคบอกเล่า : She works hard.
      ประโยคปฏิเสธ  : She does not work hard.
      ประโยคคำถาม  : Does she work hard. ?
      ประโยคคำถามแบบปฏิเสธ : Does not work hard. ?

      หลักการใช้
    ข้อที่ 1.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซํ้าๆ สมํ่าเสมอ หรือเป้นประเพณี ในประโยคบอกเล่า
                  I go to church every Sunday. (ฉันไปโบสถ์ทุกๆวันอาทิตย์)
                  He drinks tea every morning.( เขาดื่มชาทุกๆเช้า)
                  My watch keeps good time. (นาฬิกาบอกเวลาได้ดี )
   ข้อสังเกตุ : ประโยคเบอกเล่าจะมีคำเหล่านี้อยู่ในประโยค  คือ  every ,regularly , now and then,time to time,once a year, once a day, at time.                               always,often,neary,usually,seldom,never,rarely,frequently,scarcely,hardly. ect
       ข้อที่ 2.ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ
                  The sun rises in the east and sets in the west. (พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก)
                  The earth moves round the sun.(โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ )
      ข้อที่ 3. ใช้กับความสามารถ
                  They do their work properly.( เขาทั้งหลายทำงานของเขาอย่างเหมาะสม )
      ข้อที่ 4. ใช้กับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า (การเดินทางหรือแผนการ)
                  He leaves for new york next week.( เขาจะไปนิวยอร์คอาทิตย์หน้า )
      ข้อที่ 5. ใช้กับประโยคอุทาน
                  Here comes the bus.! (นี่รถเมล์มาแล้ว)
      ข้อที่ 6.ใช้ในสำนวนโวหาร
                 Julius Caesar is stabbed to death.(จูเลียสซีซาร์ถูกแทงสิ้นพระชนม์)
     สิ่งพึงจำ
                  คำเอกพจน์บางคำเติม s ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นพหูพจน์ ความจริงแล้วคำเหล่านี้เป็นเอกพจน์ เช่น     News = ข่าว , Economics = เศรษฐศาสตร์ ..เป็นต้น
__________________________________________________________________________________________________________________________

 Present Continuous Tense
โครงสร้าง  Subject+Verb to be+Verb ing     
            ประธาน+( is,am,are )+กริยาเติม ing
   

  ประธาน (Subject)                  Verb to be
                 he,she,it, (เอกพจน์)                                                 is
                 you,we,they.(พหูพจน์ )                                       are  
                           I                                                                    am

      ประโยคบอกเล่า : You are working hard.
      ประโยคปฏิเสธ :  You are not working hard.
      ประโยคคำถาม :  Are you working hard.?
      ประโยคคำถามในรูปปฏิเสธ : Are you not working hard.?
       

     หลักการใช้

     ข้อที่1.ใช้กับเหตุการณืที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น โดยมักจะมีคำบอกเวลา เช่น now,at present,at this moment.still,today...ect เช่น
               She is singing now. เธอกำลังร้องเพลง
              The boys are playing hockey. เด็กผู้ชายกำลังเล่นฮ๊อกกี้
     ข้อที่2.ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นแน่นอน หรือได้วางแผนเอาไว้ว่าจะทำ (การเดินทาง,การเคลื่อนไหว) เช่น
              He is leaving for the United State tomorrow.(เขากำลังจะไปอเมริกาวันพรุ่งนี้)
              My mother is arriving tonight. (คุณแม่จะมาถึงคืนนี้ )
     ข้อที่3.ใช้ในเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่เป็นประจำในขณะที่พูด
              He is always eating in class. (เขากินอาหารในชั้นเรียนเสมอๆ)
              My daughter is working hard in this semester. บุตรสาวของฉนเรียนหนักในเทอมนี้.
     ข้อที่4.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะยาว และไม่จำเป็นต้องทำในขณะที่กำลังพูด จะมีเวลากำกับไว้ด้วย เช่น This year.this month..ect
               we are studying Mathematics this term. เราเรียนคณิตศาสตร์อย่างหนักในเทอมนี้ (ขณะที่พูดจะเรียนหรือไม่เรียนก็ได้)

     กฎการเติม ing ที่คำกริยา
   1.คำนั้นลงท้ายด้วยสระ 'e' และสระ'e'นั้นไม่ได้ออกเสียง ให้ตัด e ทิ้งแล้วเติม ing ลงไป เช่น
      take = taking  (นำ ,เอามา)
      write = writing (เขียน)
      arrive = arriving  (ถึง)
      ect....
   2.คำนั้นลงท้ายด้วยพยัญชนะตัวเดียว และถัดจากพยัญชนะที่สะกดเข้ามาเป็นสระ จะต้องเพิ่มพยัญชนะเข้าไปข้างถ้ายคำอีกตัวหนึ่ง แล้วค่อยเติม ing
      run = running (วิ่ง)
      begin = beginning (เริ่มตัน)
      dig = digging (ขุด)
      ยกเว้น open = opening
   3.คำที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยนเป็น y แล้วเติม ing
      lie = lying (นอนลง)
      die = dying (ตาย)
   4.เติม ing ลงไปที่ท้ายคำกริยานั้นได้ทันที
      spaek = speaking (พูด)
      stay = staying

     ข้อสังเกต : คำกริยาบางคำ เมื่อพิจารณาตามความหมายแล้วได้ว่า เป็นคกริยาแสดงเกี่ยวกับ การรับรู้,แสดงสภาวะของจิตใจ,ความรู้สึกและอารมณ์
จะไม่นิยมใช้ในรูปของ Present continuous เช่น see,hear,smell,notice,recognize,taste,observe,look,seem,wish,desire,feel,like,
love,hate,hope,refuse,prefer,dislike,forgive,think,supposeelieve,agree,trust,remember,forget,know,understand..ect
__________________________________________________________________________________________________________________________

 Present Perfect
  โครงสร้าง Subject+Verb to have,has+Verb ช่องที่ 3
           ประธาน+กริยา has,have+กริยาช่องที่ 3

ประธาน (Subject)                       Verb to have
            he,she,it,เอกพจน์                                                                  has
            you,we,they.I พหูพจน์                                                       have         

      ประโยคบอกเล่า : He has worked hard.
      ประโยคปฏิเสธ : He has not worked hard.
      ประโยคคำถาม : Has he worked hard.?
      ประโยคคำถามในรูปปฏิเสธ : Has he not work hard.?

หลักการใช้
    ข้อที่1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาถึงปัจจุบันในขณะที่พูดในประโยคนั้น โดยจะมีกลุ่มคำ ที่บอกจุดเริ่มต้น เช่น since,for..,,
               He has wanted arecord player for several years.(เขาไม่ได้เล่นแผ่นเสียงมาหลายปีแล้ว)
               We have been here since six o'clock.(เรามาที่นี่ตั้งแต่หกโมง) ขณะที่พูดก็ยังอยู่ที่นี่
    ข้อที่2.ใช้ยํ้าถึงเหตุการณ์ที่พึ่งสิ้นสุดลง โดยจะมีคำที่บอกเช่น just,yet,recently,lately,already,finally.,
              The bus has already arrived.(รถเมล์มาถึงแล้ว)
               He hasn't finished his homework yet.(เขายังทำการบ้านไม่เสร็จ)
    ข้อที่3.ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ยังไม่จบในขณะที่พูด จะมีคำว่า ever,never..,
              Have you ever been to paris.? (คุณเคยไปปารีสไหม)
              I have never played card. (ฉันไม่เคยเล่นไพ่)
    ข้อที่4. ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำซํ้าหลายๆครั้ง จะมีคำว่า many times,several times,over and over..,
              She have been to Chiengmai many times.(เธอไปเชียงใหม่หลายครั้งแล้ว)
             We have read these questions several times. (เราอ่านคำถามเหลานี้หลายครั้งแล้ว)
    ข้อที่5. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดลงแล้ว จะมีคำว่า at last,up ti the present time,so far...,
              He has finished his thesis at last.(ในที่สุดเขาก็ทำวิทยานิพนธ์เสร็จ)
    ข้อที่6.ใช้ตามหลัง this is the first time.
             This is the first time I have been to Paris.(นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาปารีส)
__________________________________________________________________________________________________________________________

 Present Perfect Continuous
  โครงสร้าง Subject+Verb to have,has+been+Verb ing
            ประธาน+กริยา has,have+been+กริยาเติม ing

  ประธาน (Subject)                     Verb to have
            he,she,it,เอกพจน์                                                               has
            you,we,they.I พหูพจน์                                                     have

      ประโยคบอกเล่า : We have been working.
      ประโยคปฏิเสธ  :  We have not been working.
      ประโยคคำถาม  :  Have we been working.?
      ประโยคคำถามในรูปปฏิเสธ : Haven't we been working.?

   หลักการใช้

       ข้อที่1.ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำมาตั้งแต่อดีตและปัจจุบันยังดำเนินอยู่
                 He have been sleeping for five hours.(เขานอนหลับมาห้าชั่วโมงแล้ว) ตอนนี้ก็ยังหลับอยู่
                They have been building the bride for several months.(พวกเขาสร้างสะพานมาเป็นเวลาหลายเดือน) เดี๋ยวนี้ก็ยังสร้างอยู่
       ข้อที่2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและได้ผ่านไปแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นในขณะที่พูด หรือต้องการจะเน้นเหตุการณ์นั้นๆ
                We have been driving along muddy roads and now the car is dirty.(เราขับรถไปตามถนนที่เลอะด้วยโคลนทำให้รถสกปรก)
               They have been repairing the road,and now traffic can not pass.(พวกเขาซ่อมถนนแต่ปัจจุบันการจราจรก็ยังผ่านไปไม่ได้)

    สิ่งพึงจำ

      1.คำกริยาที่ใช้ในประโยคมักใช้กับการกระทำที่ติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น learn,study,wait,read,sleep,rest,work,stand,look..,
      2.เน้นถึงการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากอดีตและดำเนินเรื่อยไปจนถึงอนาคต กล่าวคือเหตุการณ์ยังไม่สิ้นสุด
      3. จะไม่ใช้คำต่อไปนี้ในประโยค คือ already,never,just,finally..,