Thai | English

การศึกษาพืชสกุลพริกไทยในประเทศไทย

 

 

งานวิจัยที่ตีพิมพ์

 

พืชสกุลพริกไทย

 

พืชวงศ์ขิงข่า

 

อนุกรมวิธานระดับโมเลกุล

 

ลำดับนิวคลีโอไทด์

 

เรื่องอื่นๆ

 

การศึกษาพืชสกุลพริกไทยในประเทศไทย

 

หนังสือและตำรา

 

พืชสกุลพริกไทยในประเทศไทย

อนุกรมวิธานระดับโมเลกุลของพืช

พันธุศาสตร์เซลล์และพันธุศาสตร์เซลล์ระดับโมเลกุล

การระบุพืชสมุนไพรด้วยเครื่องหมายดีเอ็นเอแบบบาร์โค้ด

 

ผู้ร่วมวิจัย

 

กลุ่มวิจัย

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

 

ResearcherID

 

WikiSpecies

 

SCOPUS citation index

 

ภาควิชาชีววิทยา

 

คณะวิทยาศาสตร์

 

มหาวิทยาลัยขอนแก่น

 

 

 

 

 

 

คำศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะพืชสกุลพริกไทย [1]

 

รายการที่เกี่ยวข้อง:

è รายชื่อพืชที่สำรวจพบในประเทศไทย

è รูปพืชสกุลพริกไทยชนิดใหม่ของโลก

 

ลักษณะทั่วไปของพรรณพฤกษชาติสกุลพริกไทย (genus Piper)

โปรดดูรูปและคำศัพท์ด้านบนประกอบเพื่อความเข้าใจ

ส่วนใหญ่เป็นไม้เถาเลื้อยขึ้นตามต้นไม้อื่น ตามโขดหิน หรืออาจเลื้อยไปตามผิวดิน บางชนิดเป็นไม้พุ่ม พบน้อยมากที่เป็นพืชล้มลุก มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ลำต้นหรือเถาเป็นข้อปล้อง ตรงข้อมักโป่งนูนออกชัดเจน ถ้าเป็นไม้เถามักพบแตกรากตามข้อ

ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวแบบสลับ แผ่นใบมักมีต่อมใสหรือต่อมมีสีขนาดเล็ก ในหนึ่งต้นใบมีขนาดและลักษณะหลากหลาย ใบบนลำต้นทั้งที่เลื้อยตามผิวดินหรือเลื้อยขึ้นที่สูงมักมีรูปทรงคล้ายๆ กันในชนิดเดียวกัน ในหลายชนิดพบว่าใบบนลำต้นที่เลื้อยตามผิวดินมีลักษณะคล้ายกันมาก มีเพียงบางชนิดเท่านั้นที่ใบบนลำต้นและใบบนกิ่งมีลักษณะแตกต่างกันชัดเจนและแตกต่างจากชนิดอื่นๆ จนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการระบุชนิดได้ ใบบนกิ่งมีลักษณะต่างจากใบบนลำต้นและแตกต่างกันในแต่ละชนิด

ช่อดอกเป็นแบบช่อเชิงลด พบน้อยที่เป็นช่อเชิงลดประกอบแบบซี่ร่ม เกิดที่ข้อตรงข้ามกับใบ ดอกแยกเพศ อยู่ร่วมต้นกันโดยอยู่บนช่อดอกเดียวกัน อยู่คนละช่อดอก หรือพบทั้งสองลักษณะนี้ หรือดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่แยกต้นกัน

ดอกมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบเลี้ยง ไม่มีกลีบดอก มีเฉพาะเกสรเพศผู้หรือเกสรเพศเมียและใบประดับขนาดเล็ก ใบประดับรูปกลมหรือรูปรี เชื่อมติดกับแกนช่อดอกหรือมีก้านชูให้ใบประดับยื่นออกมาจากแกนช่อดอก เกสรเพศผู้ 2-6 อัน เกสรเพศเมียมีรังไข่ฝังอยู่ในแกนช่อดอกหรือมีก้าน ยอดเกสรเพศเมีย 2-6 อัน

ผลแบบผลสด รูปกลมหรือรูปรี  ติดกับแกนหรือมีก้าน สีเขียวหรือเขียวอมเหลือง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มหรือแดง ส่วนใหญ่ออกดอกและติดผลเป็นช่วงๆ ตลอดปี ขึ้นกับความสมบูรณ์ของต้นและสภาพแวดล้อม ปัญหาที่สำคัญในการศึกษาพืชสกุลพริกไทย ก็คือ การตรวจสอบและระบุชนิดตัวอย่างพืชที่สำรวจพบ เนื่องจากพืชกลุ่มนี้มีลักษณะสัณฐานที่ซับซ้อนและหลากหลายในแต่ละชนิด เช่น บางชนิดดอกเพศผู้กับดอกเพศเมียอยู่แยกต้นกัน บางชนิดดอกเพศผู้กับดอกเพศเมียอยู่ร่วมต้นกัน ซึ่งดอกทั้งสองเพศอาจอยู่บนช่อดอกเดียวกันหรือต่างช่อดอกกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือดอกไม่มีกลีบเลี้ยงและไม่มีกลีบดอก มีเฉพาะเกสรเพศผู้หรือเพศเมียและใบประดับ กอปรกับดอกมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นการตรวจสอบและระบุชนิดจึงต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ [1]

 

ความสำคัญ

เป็นพืชกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจยิ่ง เนื่องจากหลายชนิดสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ พริกไทย พลู ช้าพลู ดีปลี และชนิดอื่นๆ ที่อยู่ในป่า พืชสกุลพริกไทยที่เกิดตามป่าส่วนใหญ่ชาวบ้านมักเรียกว่า “สะค้าน” และมีชื่อต่อท้ายต่างๆ เช่น สะค้านดูก สะค้านเนื้อ สะค้านแดง และสะค้านหนู

สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย อาทิ

- ลำต้นของสะค้านแดงใช้เป็นสมุนไพรนำมาเข้าเครื่องยาร่วมกับสมุนไพรอื่นช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดดี แก้อาการวิงเวียนและบำรุงกำลัง

- ลำต้นของสะค้านเนื้อก็เป็นส่วนประกอบในอาหารที่ชาวบ้านทางภาคเหนือนิยมรับประทานกันแพร่หลาย

- มีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญและสามารถพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมได้อย่างดี ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมันหอมระเหย ซึ่งได้จาก พลู, สารซาโฟรล (safrole) จาก P. hispidinervium ใช้เป็นสารให้กลิ่นหรือรส และสารไพเพอโรนอลบิวท็อกไซด์ (piperonal butoxide) ใช้เป็นสารประกอบที่สำคัญของยาฆ่าแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์ (pyretroid) และเป็นสารแต่งกลิ่นของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านหลายชนิด เช่น น้ำยาขัดพื้น สบู่ ผงซักฟอก 

พืชสกุลพริกไทยหลายชนิดน่าจะเป็นแหล่งของสารที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม ดังนั้นการสำรวจและศึกษาด้านสัณฐานวิทยาของพืชสกุลพริกไทย จึงเป็นองค์ความรู้พื้นฐานสำคัญอันจะเป็นประโยชน์ในการนำพรรณพฤกษชาติในสกุลนี้มาประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต [1]

 

การสำรวจและการกระจายพันธุ์

พืชสกุลพริกไทยส่วนใหญ่แล้วมีแหล่งที่สำรวจพบอยู่ในเขตร้อนชื้น จากการสำรวจความหลากหลายในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันซึ่งรวบรวมไว้ใน “หนังสือพืชสกุลพริกไทยในประเทศไทย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ พบทั้งสิ้น 43 ชนิด [1] แต่ในรายงานที่ตีพิมพ์ระดับนานาชาตินั้นมีเพียง 40 ชนิด [2]

ชนิดที่เพิ่มมาในหนังสือเล่มนี้ได้แก่ P. brevicaule, P. crocatum และ P. umbellatum ซึ่งผู้ประเมินงานวิจัยก่อนการตีพิมพ์ (reviewers) ให้ตัดออกโดยให้เหตุผลว่า:

- P. brevicaule นั้นเป็นชนิดเดียวกันกับ P. sarmentosum ข้อเท็จจริงนี้ผู้เขียนจะได้ตรวจสอบด้วยวิธีการระดับโมเลกุลต่อไป

- P. crocatum และ P. umbellatum ให้เหตุผลว่าเป็นพันธุ์ไม้ต่างประเทศ

ซึ่ง P. crocatum เป็นพันธุ์ไม้ต่างประเทศจริง แต่ยังคงไว้ในหนังสือเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านเนื่องจากจะพบพืชชนิดนี้ได้ที่องค์การสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (อสพ.) และตลาดพันธุ์ไม้

สำหรับ P. umbellatum คณะผู้วิจัยได้สำรวจพบในป่าธรรมชาติของไทยจริงตามสถานที่ที่ระบุไว้ในหนังสือ [1]

 

เอกสารอ้างอิง

1.    อรุณรัตน์ ฉวีราช, ธวัดชัย ธานี, รุ่งลาวัลย์ สุดมูล และ ปิยะ โมคมุล. 2552. พืชสกุลพริกไทยในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. ขอนแก่น: ขอนแก่นการพิมพ์. 163 หน้า. (ISBN 978-616-549-005-4).

2.    Chaveerach, A., Sudmoon, R., Tanee, T. and Mokkamul, P. 2008. The species diversity of the genus Piper from Thailand. Acta Phytotaxonomica et Geobotanica 59(2):105-163.

 

Last update: 23 June 2010

123 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร. 4320-2531 แฟกซ์ 4320-2530