การเพาะเลี้ยงปลาทอง |
|||||||||||||||||||||||||||||
รศ.ประภาส โฉลกพันธ์รัตน์ | |||||||||||||||||||||||||||||
1
ประวัติของปลาทอง
|
ปลาทองหรือปลาเงินปลาทอง มีชื่อสามัญว่า
Goldfish เป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่นิยมเลี้ยงมานานแล้ว จัดเป็นปลาที่ติดตลาด
คือเป็นปลาที่มีจำหน่ายในร้านขายปลาสวยงามทุกร้านและสามารถขายได้ราคาดีตลอดปี
โดยทั่วไปจัดว่ามีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ซึ่งชาวจีนจะเรียกปลาทองที่ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติว่า
Chi Yu และเรียกปลาทองที่เลี้ยงอยู่ตามบ้านว่า
Chin Chi Yu ในประเทศญี่ปุ่น
ปลาทองได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างมาก
และมีการพัฒนาวิธีการเพาะพันธุ์
มีการคัดเลือกปลาที่มีลักษณะเด่นต่างๆมาผสมพันธุ์กัน
ทำให้ได้ปลาทองที่มีลักษณะสวยงามขึ้นมาหลายชนิด
และได้รับความนิยมแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆ
ชาวจีนเป็นชาติแรกที่นิยมเลี้ยงปลาทอง โดยปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมไม่มีความสวยงามมากนัก มีลักษณะทั่วไปคล้ายปลาไน เพียงแต่ว่ามีสีสันสวยงามและสดกว่าปลาไน .
ภาพที่
1 แสดงลักษณะปลาทองพันธุ์ดั้งเดิม
(Wild Type)
ที่มา
: Coffey (1977)
การเลี้ยงปลาทองได้รับความนิยมมากในระหว่างปี
พ.ศ. 1243 - 1343
โดยชาวจีนในสมัยนั้นนิยมเลี้ยงปลาทองไว้ในสระน้ำในบริเวณรั้วบ้าน ต่อมาในปี
พ.ศ. 1716 - 1780 มีการนำปลาทองมาเลี้ยงในกรุงปักกิ่ง โดยนิยมเลี้ยงในอ่างกระเบื้องเคลือบ
การเลี้ยงปลาทองเพื่อการจำหน่ายจึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เริ่มมีการเพาะพันธุ์ปลาทองและได้พันธุ์ปลาแปลกๆมากขึ้น ในปี พ.ศ.
2043 จึงมีการนำปลาทองเข้าไปเลี้ยงในเมืองซาไก
ประเทศญี่ปุ่น แต่ได้รับความสนใจมากในปี
พ.ศ. 2230 สำหรับประเทศอื่นๆที่มีรายงานเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาทอง
ได้แก่
ปี พ.ศ.
2234 ที่ประเทศอังกฤษ
ปี พ.ศ.
2323 ที่ประเทศฝรั่งเศส
ปี พ.ศ.
2419 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับในประเทศไทยไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่คาดว่าราวปี
พ.ศ. 1911 - 2031
ภาพที่
2 ลักษณะปลาทองที่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ในระยะแรกๆ(Common
Goldfish)
ที่มา : Bailey
and Sandford (2000)
Frank (1969) ได้จัดลำดับชั้นของปลาทองไว้ดังนี้
Class
: Osteichthyes
Subclass
: Teleostei
Order
: Cypriniformes
Suborder
: Cyprinoidei (Carps)
Family
: Cyprinidae
Genus
: Carassius
Species
: auratus
. ปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบในธรรมชาตินั้น มีรูปร่างคล้ายปลาไนแต่มีขนาดเล็กกว่าปลาไนมาก คือ เป็นปลาที่มีรูปร่างป้อม แบนข้างเล็กน้อย ส่วนหัวลาด ปากมีขนาดเล็ก มีหนวดสั้น 2 คู่ ครีบหลังค่อนข้างยาว ครีบหางเป็นแฉกเว้าลึก ีลำตัวมีสีน้ำตาลคล้ำอมทองหรือสีส้ม ส่วนท้องสีจางกว่าลำตัว หรือสีขาว เนื่องจากมีการนำปลาทองไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ประกอบกับเป็นปลาที่ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์กับปลาในกลุ่มเดียวกันชนิดอื่นๆได้ง่าย ทำให้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาทองชนิดใหม่ๆออกมาหลายชนิด มีลักษณะเด่นสวยงามแตกต่างกันไป ซึ่งลักษณะเด่นๆที่สำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่
.
ภาพที่ 3
แสดงส่วนต่างๆและรูปร่างของปลาทอง
.
ภาพที่ 4 แสดงลักษณะปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ใหม่ ที่มา : Free-pet-wallpapers.com (2012) (ซ้าย) . Bailey and Sandford (2000) (ขวา)
จากการที่มีการพัฒนาทางด้านการเพาะพันธุ์
มีการคัดเลือกลักษณะเด่นที่ต้องการ
แล้วนำมาเพาะพันธุ์ต่อมาเรื่อยๆ
ทำให้ได้ปลาทองที่มีลักษณะและสีสันสวยงามหลายแบบด้วยกัน
และมีการตั้งชื่อพันธุ์ต่างๆไว้ดังนี้
4.1 ปลาทองที่มีหางเดี่ยว
อาจเรียกหางปลาทู
หรือหางแฉก
(Fork Tail) ลักษณะหางเป็นแผ่นแบนกว้าง
เว้าตรงกลางหรือเป็น
2 แฉก มีสายพันธุ์ที่นิยม
2 สายพันธุ์
คือ 4.1.1
พันธุ์โคเมท
(Comet)
เป็นปลาทองสายพันธุ์ดั้งเดิม
หรือต้นตระกูลของปลาทอง
ลักษณะลำตัวค่อนข้างแบนยาวคล้ายปลาไน
ลำตัวมักมีสีแดง
สีแดงสลับขาว
หรือสีทอง
ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยม .
ภาพที่ 5 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์โคเมท
ที่มา : สุรศักดิ์
(2538) . 4.1.2 พันธุ์ชูบุงกิง (Shubunkin) ลักษณะคล้ายพันธุ์โคเมท แต่จะมีจุดประที่ลำตัวหลายสี เช่น สีแดง สีขาว สีม่วง สีส้ม และสีดำ เกล็ดจะค่อนข้างใส จัดเป็นปลาทองที่สวยงามมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีสีเด่นหลายสี สดใส ได้รับความนิยมมากในสมัยก่อนและมีการตั้งชื่อไว้หลายชื่อ เช่น Speckled Goldfish , Harlequin Goldfish , Vermilion Goldfish หรือ Coronation fish ภาพที่ 6 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ชูบุงกิง
ที่มา :
สุรศักดิ์
(2538) .
4.2 ปลาทองที่มีหางคู่
คือมีส่วนหางแยกออกเป็น
3 - 4 แฉก มีทั้งที่มีครีบหลังตามปกติ
หรือบางชนิดไม่มีครีบหลัง
มีที่ได้รับความนิยมหลายสายพันธุ์
ดังนี้ 4.2.1
พันธุ์ออแรนดา
(Oranda) สมัยก่อนมักเรียกฮอลันดา
หรือฮอลันดาหัวแดง
ลักษณะลำตัวค่อนข้างยาว
มีครีบครบทุกครีบ
หางยาว
และมีลักษณะเด่นคือมีวุ้นที่ส่วนหัว
(Hood) คล้ายพันธุ์หัวสิงห์
แต่มักไม่ขยายใหญ่เท่าหัวสิงห์
สีของวุ้นมักออกเป็นสีเหลืองส้ม
เป็นปลาทองที่มีขนาดใหญ่
และมีความสวยงามมากชนิดหนึ่ง
สีของลำตัวมักออกสีขาวเงิน
ชาวญี่ปุ่นเรียก
Oranda Shishigashira . ภาพที่
7 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ออแรนดา ที่มา : Free-pet-wallpapers.com (2012) (บน) . 4.2.2
พันธุ์ริวกิ้น
(Ryukin or Veiltail ) ลักษณะเด่น คือ
เป็นพันธุ์ที่มีหางค่อนข้างยาวเป็นพวงสวยงามเป็นพิเศษ
คล้ายริบบิ้นหรือผ้าแพร ทำให้มีชื่อเรียกได้หลายชื่อ คือ Fringetail ,
Ribbontail , Lacetail , Muslintail และ
Japanese Fantail ในขณะที่ว่ายน้ำครีบหางจะบานเป็นสง่า ลำตัวค่อนข้างกลมสั้น และมักมีสีแดงสลับขาว บางชนิดอาจมี
5 สี เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก
.
ภาพที่
8 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ริวกิ้น
ที่มา :
สุรศักดิ์
(2538) . 4.2.3
พันธุ์ตาโปน
(Telescope-eyed Goldfish) อาจเรียก
Pop-eye Goldfish ชาวจีนนิยมเรียก
Dragon Eyes ชาวญี่ปุ่นเรียก
Aka Demekin ซึ่งแปลว่าตาโปนเช่นกัน ลักษณะเด่นของพันธุ์ คือ ลูกตาจะยื่นโปนออกมามากเหมือนท่อกล้องส่องทางไกล พันธุ์ตาโปนที่นิยมเลี้ยงมี
5 ชนิด คือ
ภาพที่
9 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ตาโปนสีแดงขาว
ที่มา : สุรศักดิ์
(2538) Pet Goldfish (2010) (ขวา)
.
ภาพที่
10 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์เล่ห์ .
. ภาพที่
11 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ตาโปนสามสี ที่มา : Pet Goldfish (2010)
. ภาพที่
12 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ตาลูกโป่ง ที่มา : นายเก๋า (2547)
. ภาพที่
13 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์ตากลับ
ที่มา :
สุรศักดิ์
(2538) . 4.2.4
พันธุ์เกล็ดแก้ว
(Pearl Scale Goldfish) ลักษณะลำตัวค่อนข้างกลมคล้ายลูกปิงปอง ส่วนหัวเล็กมาก
หางยาว ลักษณะเด่น
คือ มีเกล็ดนูนขึ้นมาต่างกับเกล็ดธรรมดาทั่วไปอย่างชัดเจน สีของลำตัวมักมีสีขาว สีส้ม
และสีทอง
. ภาพที่
14 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว
ที่มา
: Pirun.ku.ac.th . 4.2.5
พันธุ์หัวสิงห์
(Lionhead Goldfish or Ranchu) ลักษณะเด่นของพันธุ์นี้คือ ไม่มีครีบหลัง
หางสั้นและเป็นครีบคู่ ที่สำคัญคือ ส่วนหัวจะมีก้อนวุ้นปกคลุมอยู่ ทำให้มีชื่อเรียกได้อีกหลายชื่อ เช่น Hooded
Goldfish , Buffalo-head Goldfish ส่วนในญี่ปุ่นเรียก Ranchu ในประเทศไทยเรียกกันโดยทั่วไปว่า
“หัวสิงห์” เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และนิยมจัดประกวดกันเป็นประจำ
จนอาจเรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อของปลาทอง
(King of The Goldfish) มีอยู่หลายชนิดที่นิยมเลี้ยง ได้แก่
. ภาพที่
15 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์ญี่ปุ่น .
. ภาพที่
16 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์จีน
ที่มา :
สุรศักดิ์
(2538) .
.
ภาพที่
17 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์หัวแดง .
ภาพที่
18 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์ตามิด
ที่มา
: Fish949 (2011)
. ภาพที่
19 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์ห้าสี
ที่มา : Jesada
.
ภาพที่
20 แสดงลักษณะของปลาทองพันธุ์สิงห์เงิน .
สายพันธุ์อื่นๆ
ยังมีปลาทองอีกหลายสายพันธุ์ที่ผลิตขึ้นมาจากประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเน้นผลิตปลาทองเพื่อการส่งออก
และค่อนข้างได้รับความนิยมจากตลาดต่างประเทศ
ทำให้มีสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ
การศึกษาความแตกต่างลักษณะเพศของปลาทองทำได้ไม่ยากนัก
ผู้เลี้ยงปลาโดยทั่วไปจะสามารถแยกเพศปลาทองได้
ผู้ที่ต้องการดำเนินการเพาะพันธุ์ปลาทอง
หากเข้าใจวิธีการแยกเพศปลาทองเป็นอย่างดี
ก็จะช่วยให้เลือกซื้อหรือจัดเตรียมปลาทองเพศผู้และเพศเมียตามจำนวนที่ต้องการได้
ความแตกต่างลักษณะเพศของปลาทองนั้น
ถ้าจะดูจากลักษณะภายนอกของลำตัวแล้วจะไม่พบความแตกต่างกัน
การแยกเพศจะทำได้ก็ต่อเมื่อปลาสมบูรณ์เพศ
คือ เป็นปลาโตเต็มวัยแล้ว
ซึ่งต้องเลี้ยงไว้ประมาณ
6 - 8 เดือน
เมื่อปลาสมบูรณ์เพศแล้วปลาเพศผู้จะเกิด
ตุ่มสิว
(Pearl Organ หรือ Nuptial Tubercles) ซึ่งเป็นตุ่มหรือจุดเล็กๆสีขาว
เกิดขึ้นบริเวณก้านครีบอันแรกของครีบอก
และบริเวณกระพุ้งแก้ม
ซึ่งถ้าสังเกตุดีๆจะพอเห็นได้
และมักจะเกิดเด่นชัดเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ของปลาทอง
แต่ในช่วงนอกฤดูกาลผสมพันธุ์
เช่นในฤดูหนาว
หรือปลาไม่มีความพร้อมทางเพศ
ตุ่มสิวนี้จะมีขนาดเล็กสังเกตุได้ยาก
แต่ก็สามารถแยกเพศได้โดยการใช้มือลูบเบาๆที่ครีบอก
ถ้าเป็นปลาทองเพศผู้จะรู้สึกสากมือเนื่องจากมีตุ่มสิวดังกล่าว
แต่ถ้าเป็นปลาเพศเมียจะรู้สึกว่าครีบอกนั้นจะลื่น
นอกจากนั้นถ้าปลามีความพร้อมในการผลมพันธุ์
คือปลาเพศเมียมีไข่แก่
และปลาเพศผู้มีน้ำเชื้อสมบูรณ์
ถ้าจับที่บริเวณท้องของเพศเมียจะรู้สึกว่าค่อนข้างนิ่ม
และที่ช่องเพศจะขยายตัวนูนสูงขึ้น
ส่วนปลาเพศผู้ถ้าลองรีดที่บริเวณท้องลงไปทางช่องเพศ
จะเห็นว่ามีน้ำเชื้อซึ่งเป็นสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมไหลออกมาเล็กน้อยได้ .
ภาพที่ 21 แสดงบริเวณก้านครีบอันแรกที่จะเกิดตุ่มสิวในปลาทองเพศผู้
ที่มา
: Aquariacentral.com
ปลาทองจัดว่าเป็นปลาที่ดำเนินการเพาะพันธุ์ได้อย่างง่ายๆ
โดยวิธีการเพาะแบบช่วยธรรมชาติ
ปกติปลาทองจะมีการแพร่พันธุ์วางไข่ในตู้กระจกหรือบ่อที่ใช้เลี้ยงอยู่แล้ว
ซึ่งมักจะไล่ผสมพันธุ์วางไข่ในตอนเช้าของวันถัดไปหลังจากที่ผู้เลี้ยงมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ให้
แต่ที่ผู้เลี้ยงไม่พบว่ามีลูกปลาทองเกิดขึ้นในตู้เลี้ยงปลา
เนื่องจากว่าปลาทองเป็นปลาที่ไข่ทิ้งไม่มีการดูแลรักษาไข่
เมื่อวางไข่แล้วก็จะหวนกลับมากินไข่ของตัวเองอีกด้วย
นอกจากนั้นปลาทองตัวอื่นๆหรือปลาชนิดอื่นที่เลี้ยงรวมอยู่ในตู้ด้วย
ก็จะคอยเก็บกินไข่ที่ออกมาด้วย
กว่าที่ไข่ที่เหลืออยู่จะฟักตัวออกมา
ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ
2 - 3 วัน ไข่ก็จะถูกปลาทยอยเก็บกินไปเกือบหมด
ส่วนไข่ที่รอดจากถูกกินจนตัวอ่อนฟักตัวออกมา
ตัวอ่อนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ก็จะกลายเป็นอาหารที่ดีของปลาต่างๆอีก
เพราะลูกปลาจะมีขนาดพอๆกับลูกน้ำ
ทำให้ถูกจับกินไปจนหมดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากต้องการลูกปลาทองก็จำเป็นต้องมีการจัดการการเพาะให้ถูกต้อง จึงจะได้ลูกปลาจำนวนมากตามต้องการ การเพาะปลาทองจะทำได้ดี คือ ปลาวางไข่ง่าย ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง เดือนกันยายน โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 6.1
การเตรียมบ่อเพาะ
บ่อที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์
มีขนาดประมาณ
1 ตารางเมตร
ขัดล้างให้สะอาดด้วยแปรงและสบู่แล้วฉีดน้ำล้างหลายๆครั้ง
จากนั้นเตรียมน้ำใหม่ที่ระดับประมาณ
20 - 25 เซนติเมตร นอกจากนั้นยังอาจใช้กะละมังขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
50
เซนติเมตร เป็นบ่อเพาะปลาทองก็ได้ .
ภาพที่ 22 แสดงการใช้กะละมังเป็นบ่อเพาะปลาทอง . 6.2
การเตรียมรัง
ปลาทองเป็นปลาที่มีไข่ประเภทไข่ติด
พฤติกรรมการวางไข่นั้นปลาเพศผู้จะว่ายน้ำไล่ปลาเพศเมียไปเรื่อยๆ
ปลาเพศเมียเมื่อพร้อมจะวางไข่จะว่ายน้ำเข้าหาพรรณไม้น้ำตามริมน้ำ
แล้วปล่อยไข่ครั้งละ
10 - 20 ฟอง ปลาเพศผู้ที่ว่ายน้ำตามมาก็จะปล่อยน้ำเชื้อตาม
ไข่จะได้รับการผสมพร้อมกันนั้นก็เกิดสารเหนียวที่เปลือกไข่
ทำให้ไข่เกาะติดอยู่ตามราก
ลำต้น และใบของพรรณไม้น้ำ
ดังนั้นการเตรียมรังในบ่อเพาะปลาทอง
ควรเป็นรังที่ช่วยให้ไข่ติดได้ง่ายและมากที่สุด
คือต้องมีลักษณะเป็นฝอยนิ่มและค่อนข้างยาว
รังที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่รังที่ทำจากเชือกฟาง
โดยนำเชือกฟางสีใดก็ได้มาผูกเป็นกระจุก(คล้ายกับพู่ที่เชียร์ลีดเดอร์ใช้)
มีความยาวประมาณ
20 เซนติเมตร
แล้วฉีกให้เป็นฝอยโดยพยายามให้เป็นเส้นฝอยขนาดเล็กให้มากที่สุด
จากนั้นนำไปจุ่มในน้ำเดือดเพื่อให้เกิดความนุ่ม
แล้วทำกรอบไม้
(อาจใช้ท่อ
เอสล่อน)ให้ลอยอยู่ผิวน้ำ
ขนาดเล็กกว่าบ่อเพาะเล็กน้อยเพื่อให้กรอบลอยอยู่บนผิวน้ำในบ่อได้ดี
นำรังมาผูกในกรอบไม้เพื่อให้รังลอยตัว
และรังจะกระจายตัวกัน
หากไม่ทำกรอบผูกรัง
รังจะถูกแรงลมที่เกิดจากเครื่องแอร์ปั๊ม
ทำให้รังลอยไปรวมเป็นกระจุกอยู่ริมบ่อ
ปลาจะวางไข่ที่รังได้ยาก
การทำให้รังกระจายตัวกัน
ช่วยให้ปลาสามารถวางไข่โดยกระจายไข่ตามรังที่จัดไว้ทุกรังได้เป็นอย่างดี
.
ภาพที่
23
แสดงลักษณะพู่ทำจากเชือกฟางและรากผักตบชวาที่นำมาใช้เป็นรังในบ่อเพาะปลาทอง . 6.3
การเตรียมพ่อแม่พันธุ์
คือการเลี้ยงและคัดปลาที่พร้อมจะผสมพันธุ์จากปลาที่เลี้ยงไว้รวมกัน
โดยจะต้องเน้นเป็นปลาที่มีไข่แก่และน้ำเชื้อดี
การที่จะเลี้ยงปลาทองให้มีไข่แก่และน้ำเชื้อได้ดีนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก
จากที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าการเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงปลาที่มีคุณภาพน้ำดีกว่าการเลี้ยงปลาแบบอื่นๆ
เนื่องจากมีระบบกรองน้ำที่ดี
ในสภาพน้ำที่ค่อนข้างดีปลาจะใช้อาหารที่ได้รับไปสำหรับการเจริญเติบโต
ส่วนการพัฒนาของระบบสืบพันธุ์จะเป็นไปอย่างช้าๆ
เมื่อใดที่คุณภาพน้ำเริ่มมีการสะสมของสิ่งหมักหมมต่างๆมากขึ้น
ปลาที่สมบูรณ์เพศแล้วจะเริ่มมีการพัฒนาระบบสืบพันธุ์มากขึ้น
เปรียบเทียบได้กับฤดูร้อนซึ่งน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติจะลดระดับลงเรื่อยๆน้ำจะมีการสะสมแร่ธาตุต่างๆมากขึ้น
ปลาจะใช้อาหารที่ได้รับเพื่อการพัฒนาระบบสืบพันธุ์
เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการแพร่พันธุ์ในฤดูฝนที่จะมาถึง
ดังนั้นการเลี้ยงปลาทองเพื่อให้ปลามีไข่แก่และน้ำเชื้อดีแทบทุกตัวพร้อมกัน
จึงต้องอาศัยการเลียนแบบธรรมชาติ
ซึ่งวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด
คือ การปรับปรุงระบบเครื่องกรองน้ำ
โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องกรองน้ำแบบหม้อกรองในตู้
ซึ่งช่วยทำให้น้ำใสได้บ้างพอควรและเก็บตะกอนไว้ได้ด้วย
ล้างหม้อกรองประมาณ
3 วัน ต่อครั้ง
และงดการเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ปลาหรือบ่อเลี้ยงปลาโดยเด็ดขาด
หากจำเป็นต้องเติมน้ำเนื่องจากระดับน้ำลดลง
ควรเติมในช่วงเช้า
เพราะการเติมน้ำในตอนเย็นซึ่งอุณหภูมิเริ่มลดลง
และปลาได้รับน้ำใหม่อาจมีผลกระตุ้นให้ปลาไข่แก่บางตัววางไข่ในเช้าวันถัดไปได้
พ่อแม่พันธุ์ปลาทองที่จะนำมาใช้เพาะพันธุ์ควรมีอายุประมาณ
10 เดือน นำมาเลี้ยงรวมกันเป็นเวลาประมาณ
30 - 50 วัน ปลาทองที่คัดมาเลี้ยงแทบทุกตัวจะมีไข่แก่และน้ำเชื้อสมบูรณ์เหมือนกันแทบทุกตัว
ทำให้สะดวกที่จะคัดไปปล่อยลงบ่อเพาะ
และควรคัดไปปล่อยเวลาประมาณ
16.00 น.
ข้อควรพิจารณาในการเตรียมพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง
ควรหลีกเลี่ยงปลาในครอกเดียวกันเพื่อป้องกันการผสมเลือดชิด . ภาพที่
24
พ่อแม่พันธุ์ปลาทองในบ่อเลี้ยง . 6.4
จำนวนปลาและสัดส่วนเพศ
การปล่อยปลาลงบ่อเพาะแต่ละบ่อควรปล่อยปลาเพียงบ่อละ
1 คู่ หรือใช้ปลาเพศเมีย
1 ตัว กับปลาเพศผู้
2 ตัว เนื่องจากการใช้ปลามากกว่า
1 คู่
นั้น ในขณะที่ปลาเพศเมียตัวที่พร้อมจะวางไข่ถูกปลาเพศผู้ว่ายน้ำไล่ไปนั้น
จะถูกปลาตัวอื่นๆคอยรบกวนโดยว่ายน้ำติดตามกันไปหมดทุกตัว
เพราะปลาเหล่านั้นต้องการตามไปกินไข่ของแม่ปลาที่จะปล่อยออกมา
การปล่อยปลาหลายคู่จึงกลับกลายเป็นข้อเสีย
ดังนั้นการปล่อยปลาเพียงบ่อละคู่จะทำให้ไข่มีอัตราการผสมค่อนข้างดี
และได้จำนวนมาก
ภาพที่ 25 ลักษณะของพ่อแม่ปลาทองที่คัดปล่อยลงบ่อเพาะ . 6.5
การเพิ่มน้ำและลม
หากต้องการให้ปลาได้รับการกระตุ้นและเกิดการวางไข่อย่างแน่นอน
ควรจะมีการให้ลมเพื่อให้น้ำเกิดการหมุนเวียนแรงพอสมควร
นอกจากนั้นถ้าหากสามารถทำให้เกิดกระแสน้ำ
หรือทำให้เกิดฝนเทียม
ก็จะทำให้ปลาวางไข่ได้ง่ายขึ้น
ฉนั้นบ่อเพาะที่ดีจะต้องมีระบบน้ำล้นที่ดีด้วย 6.6
การวางไข่ของปลา
ถ้าหากคัดปลาได้ดี
คือ ปลามีไข่แก่และน้ำเชื้อดี
ปลาจะผสมพันธุ์วางไข่ตอนรุ่งเช้าของวันถัดไป
หากปลายังไม่วางไข่จะปล่อยพ่อแม่ปลาไว้อีก
1 คืน แต่ถ้าเช้าวันถัดไปปลาก็ยังไม่วางไข่
แสดงว่าผู้เพาะคัดปลาไม่ถูกต้อง
คือปลาเพศเมียที่คัดมาเพาะมีรังไข่ยังไม่แก่จัดพอที่จะวางไข่ได้
จะต้องปล่อยพ่อแม่ปลาที่คัดมาเพาะกลับคืนลงบ่อเลี้ยง
แต่ถ้าปลาวางไข่จะสังเกตได้ว่าน้ำในบ่อเพาะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป
โดยมักจะเกิดเมือกเป็นฟองตามผิวน้ำและรัง
เมื่อพิจารณาที่รังจะเห็นว่ามีไข่ปลาทอง
มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆสีเหลืองอ่อนค่อนข้างใส
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
1 มิลลิเมตร
ติดอยู่ตามเส้นเชือกภายในรัง
เม็ดไข่ที่ดูใสนี้แสดงว่าเป็นไข่ที่ได้รับการผสมหรือไข่ดี
และจะมีเม็ดไข่ที่สีขุ่นขาวซึ่งเป็นไข่ที่ไม่ได้รับการผสมหรือเป็นไข่เสีย .
ไข่ดีจะใส ส่วนไข่เสียจะสีขุ่นขาว
เมื่อประสบผลสำเร็จในการเพาะปลาทองหรือสามารถทำให้ปลาทองวางไข่ได้แล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการฟักไข่
ซึ่งอาจใช้บ่อเพาะเป็นบ่อฟักไข่ได้เลย
โดยการช้อนเอาพ่อแม่ปลาออก
จากนั้นเพิ่มระดับน้ำเป็น
30 - 40 เซนติเมตร
เปิดแอร์ปั๊มเพื่อให้ออกซิเจนและเกิดการหมุนเวียนน้ำตลอดเวลา
และถ้าสามารถเพิ่มน้ำใหม่ทำให้มีการระบายน้ำด้วย
จะช่วยไล่ความคาวที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาของไข่ออกไปเรื่อยๆ
จะทำให้ไข่ปลาทองฟักตัวได้ดีไม่ค่อยมีการติดเชื้อ
แต่ต้องใส่ผ้ากรองกันไว้ที่ทางออกของท่อน้ำล้น
เพื่อกันลูกปลาที่ฟักตัวออกจากไข่ไม่ให้ไหลไปตามน้ำ
แม่ปลา 1 ตัวจะสามารถวางไข่ได้ครั้งละ
1,000 - 3,000 ฟอง ไข่จะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ
48 - 56 ชั่วโมง
(2 - 3 วัน) ลูกปลาที่ฟักตัวออกจากไข่แล้วมักจะเกาะอยู่ที่รัง
หรือว่ายน้ำออกไปเกาะอยู่ที่ผนังบ่อ
รอจนเช้าวันที่
4 หลังจากที่ปลาวางไข่จึงค่อยๆเขย่ารังเพื่อไล่ลูกปลาออกจากรัง
แล้วปลดรังออก . ภาพที่ 27 ลักษณะของลูกปลาทองที่ฟักออกจากไข่แต่ยังมีถุงอาหารอยู่ ยังไม่ว่ายน้ำจะเกาะอยู่ที่ผนัง
บ่อที่จะใช้สำหรับอนุบาลลูกปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์
ขนาด 4 - 10 ตารางเมตร
มีความลึกประมาณ
40 - 50 เซนติเมตร
เป็นบ่อที่สามารถถ่ายเทน้ำได้อย่างดี
โดยเฉพาะถ้าสามารถปรับระบบน้ำไหลได้จะทำให้ลูกปลามีความแข็งแรงมาก
เจริญเติบโตรวดเร็วและมีอัตรารอดดี
เพราะการระบายน้ำจะช่วยระบายของเสียหรือสิ่งขับถ่ายของลูกปลาออกไปได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกปลาเติบโตเร็วก็คือ
การระบายน้ำและการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำทุกวัน
การเลี้ยงลูกปลาทองหรือการอนุบาลจำเป็นต้องอาศัยสังเกตุเป็นหลัก
การจะกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนกระทำได้ยาก
เริ่มจากลูกปลาที่ฟักออกจากไข่
ในช่วงแรกจะมีถุงอาหาร
(Yolk Sac) ติดอยู่ที่หน้าท้อง
ลูกปลาจะยังไม่กินอาหาร
สังเกตุได้จากการที่ลูกปลาจะเกาะอยู่ที่รังหรือผนังบ่อ
เมื่อลูกปลาใช้อาหารจากถุงอาหารหมดแล้ว
ลูกปลาจึงจะว่ายน้ำตามแนวระดับไปเรื่อยๆเพื่อหาอาหารกิน
ควรดำเนินการให้อาหารดังนี้ 8.1
ช่วงแรก
เนื่องจากปลาทองเป็นปลาที่กินอาหารได้แทบทุกชนิด
จัดว่าเป็นปลาที่กินอาหารได้ง่าย
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาหารที่มีชีวิตในการอนุบาลลูกปลาทอง
การอนุบาลลูกปลาทองเลือกใช้อาหารได้ดังนี้
.
ภาพที่ 28 ลักษณะของลูกปลาทองที่ยังไม่ได้กินอาหาร (ซ้าย)
กับที่ได้กินไข่ต้มแล้วที่ส่วนท้องจะมีสีขาว
(ขวา) . ภาพที่ 29 แสดงการใช้ไข่แดง .
สำหรับในเรื่องของปริมาณอาหารที่จะให้ปลานั้น
เนื่องจากลูกปลามีขนาดเล็กมากการกำหนดปริมาณอาหารเป็นจำนวนตายตัวนั้นค่อนข้างยาก
เช่นการใช้ไข่แดง
ปริมาณที่จะให้แต่ละมื้อจะใช้ประมาณเท่าเมล็ดถั่วแดงต่อลูกปลาที่เกิดจากแม่ปลา
1 แม่ ผู้เลี้ยงต้องอาศัยการสังเกตและการเอาใจใส่ค่อนข้างมาก การให้อาหารมากเกินไปจะทำให้น้ำเน่าเสีย
ลูกปลาจะยิ่งเติบโตช้าและมักจะติดเชื้อเกิดโรคระบาดตายเกือบหมด
แต่ถ้าน้อยเกินไปลูกปลาก็จะโตช้าและมักจะมีขนาดแตกต่างกันอย่างมาก
โดยจะมีลูกปลาขนาดโตไม่กี่ตัว
วิธีการกะปริมาณอาหารที่ดีคือ
ผู้เลี้ยงจะต้องดูจากตัวลูกปลาภายหลังจากที่ให้อาหารไปแล้วประมาณ
15 - 20 นาที ใช้แก้วน้ำตักลูกปลาขึ้นมาดู
ถ้าเป็นช่วงที่ให้ไข่แดงเป็นอาหาร
จะเห็นว่าที่บริเวณท้องของลูกปลาจะมีสีขาว
ถ้าเป็นอาหารผงท้องจะเป็นแนวดำ
ดังนั้นถ้าเห็นว่าลูกปลาทุกตัวมีอาหารที่บริเวณท้องเป็นแนวยาวตลอด
ก็แสดงว่าอาหารพอ
แต่ถ้าเห็นว่าลูกปลาบางส่วนมีอาหารที่ท้องอยู่น้อยก็แสดงว่าอาหารไม่เพียงพอ
ควรให้อาหารเพิ่มอีก
หมายเหตุ
ช่วงนี้ควรให้อาหารวันละ
3 ครั้ง คือ เช้า
กลางวัน และเย็น 8.2
ช่วงหลัง
ถึงแม้ลูกปลาจะกินอาหารผงได้ดี
แต่อาหารผงก็มีข้อเสียที่มักมีการแตกตัวและกระจายตัวได้ง่าย
ซึ่งเป็นบ่อเกิดของน้ำเสีย
ดังนั้นเมื่ออนุบาลลูกปลาในช่วงแรกด้วยไข่และอาหารผง
เป็นเวลาประมาณ
15 วัน ก็ควรจะเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดลอยน้ำโดยใช้อาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงลูกปลาดุกเล็กระยะแรก
ให้ลูกปลาได้เลยจะเห็นว่าอาหารจะลอยตัวอยู่ผิวน้ำ
จากนั้นประมาณ
15 - 20 นาที
อาหารจะพองขยายตัวขึ้นและนิ่ม
ในวันแรกลูกปลาจะยังไม่เคยชินกับอาหารลอยน้ำ
ฉนั้นให้ใช้นิ้วบีบอาหารที่ลอยอยู่บางส่วนให้จมตัวลง
และมีอาหารลอยน้ำเหลืออยู่บ้าง
ทำเช่นนี้ประมาณ
3 วัน
ลูกปลาจะเคยชินกับการกินอาหารเม็ดลอยน้ำได้ดี
ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญ
คือ การทำความสะอาดบ่ออนุบาล
โดยเฉพาะในการอนุบาลช่วงแรก
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไข่แดงหรืออาหารผงให้เป็นอาหารลูกปลา
ทั้งไข่แดงและอาหารผงจะเหลือตกตะกอนเป็นเมือกอยู่ที่พื้นก้นบ่อเป็นประจำทุกวัน
ดังนั้นหลังจากให้อาหารเช้าแล้วประมาณ
1 ชั่วโมง
ควรทำความสะอาดผนังและพื้นก้นบ่อ
โดยใช้ฟองน้ำค่อยๆลูบไปตามผนังและพื้นก้นบ่อให้ทั่ว
ถ้าเป็นบ่อที่มีระบบกรองที่ดี
ตะกอนเมือกที่ถูกขัดออกมาก็จะถูกขจัดออกได้โดยง่าย
ภาพที่
30 แสดงลักษณะบ่อดินขนาด
400-
เป็นการเลี้ยงเพื่อให้ปลาทองมีขนาดใหญ่เหมาะสมที่จะส่งตลาดต่อไป
บ่อเลี้ยงปลาทองควรเป็นบ่อซีเมนต์
มีขนาด 2
- 4 ตารางเมตร
และควรมีจำนวนหลายบ่อ
หากต้องการให้
ปลาเจริญเติบโตเร็วจะต้องจำกัดจำนวนปลาที่ปล่อยเลี้ยง
โดยปล่อยในอัตรา
50 ตัวต่อพื้นที่
1 ตารางเมตร
ควรทยอยคัดปลาจากบ่ออนุบาลมาปล่อยลงบ่อเลี้ยง
จากนั้นเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดประมาณ
40 - 60 วันปลาจะเติบโตจนสามารถส่งจำหน่ายได้
เมื่อส่งปลาออกจำหน่ายแล้วก็ทยอยคัดปลาจากบ่ออนุบาลมาปล่อยเลี้ยงอีกต่อไป
สำหรับลูกปลาที่เหลืออยู่ในบ่ออนุบาลซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
ถึงแม้จะมีการให้อาหารดีและมีการถ่ายน้ำสม่ำเสมอ
ลูกปลาก็จะเจริญเติบโตขึ้นไม่มากนัก
เนื่องจากจำนวนปลาเป็นข้อจำกัด
แต่เมื่อถูกกระจายออกไปยังบ่อเลี้ยงก็จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
ปัจจุบันมีการอนุบาลและเลี้ยงปลาทองในบ่อดิน
โดยใช้บ่อขนาด
100 -
ภาพที่ 31 ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี .
ภาพที่
32 ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทองในประเทศจีน
มีการจัดทัวร์ชมฟาร์ม ที่มา : Vermilliongoldfishclub.com (2006) .
ภาพที่
33 ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาทอง( ที่มา : Siamaquarium.com (2010) 10
ชนิดปลาที่ดำเนินการเพาะพันธุ์เช่นเดียวกับปลาทอง
มีปลาสวยงามที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง
ที่สามารถดำเนินการเพาะพันธุ์และการอนุบาลลูกปลาได้เช่นเดียวกับปลาทอง
ปลาสวยงามดังกล่าวคือ
ปลาคาร์พ
หรือ ปลาแฟนซีคาร์พ
ซึ่งเป็นปลาที่มีการจัดลำดับชั้นอยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาทอง
และมีต้นตระกูลคล้ายกันมาก
การจัดการบ่อเพาะ
การเตรียมรัง
การคัดเพศ
และการจัดสัดส่วนเพศในการเพาะพันธุ์ปลาคาร์พ
กระทำคล้ายคลึงกับการเพาะปลาทอง
ต่างกันตรงที่บ่อเพาะปลาคาร์พจะมีขนาดใหญ่กว่าบ่อเพาะปลาทองค่อนข้างมาก
เนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ปลาคาร์พจะมีขนาดใหญ่กว่าปลาทองมาก
และการผสมพันธุ์แต่ละครั้งแม่ปลาคาร์พ
1 ตัวจะให้ไข่เป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่ 20,000 - 50,000
ฟอง การใช้บ่อเพาะที่มีขนาดเล็กเกินไป
จะทำให้ไข่มีการผสมต่ำเพราะความคาวที่เกิดขึ้น
ขนาดของบ่อเพาะที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง
6 - 12 ตารางเมตร
สำหรับการแยกเพศของปลาคาร์พนั้นก็อาศัยความแตกต่างของตุ่มสิวเช่นกัน
ซึ่งตุ่มสิวของปลาคาร์พเพศผู้จะมีขนาดเล็กมาก
ไม่สามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหมือนกับของปลาทองเพศผู้
จะต้องใช้มือลูบสัมผัสที่บริเวณครีบหู
ซึ่งจะรู้สึกถึงความสากของตุ่มสิวที่มีได้อย่างชัดเจน
คือที่ครีบหูของปลาคาร์พเพศผู้จะมีความสากเนื่องจากตุ่มสิวที่มีอย่างชัดเจน
ส่วนครีบหูของปลาคาร์พเพศเมียจะลื่นมือเนื่องจากไม่มีตุ่มสิวเกิดขึ้น
โดยเฉพาะปลาคาร์พเพศผู้ที่มีความพร้อมในการผสมพันธุ์
ถ้าลองรีดที่บริเวณท้องเพียงเบาๆก็จะมีน้ำเชื้อสีขาวขุ่นไหลออกมาง่ายดายกว่าในปลาทองมาก
นอกจากนั้นปลาคาร์พเพศเมียที่มีรังไข่สมบูรณ์จะสามารถสังเกตุจากการขยายตัวของส่วนท้องได้ชัดเจน
ส่วนท้องจะค่อนข้างนิ่มและช่องเพศจะมีการขยายตัวนูนออกอย่างเด่นชัด
ส่วนการจัดการด้านอื่นๆตลอดจนการอนุบาลลูกปลาช่วงแรก
จะดำเนินการเช่นเดียวกับการอนุบาลลูกปลาทอง
แต่เมื่ออนุบาลลูกปลาช่วงแรกเป็นเวลาประมาณ
5 - 10 วันแล้ว
ควรปล่อยลูกปลาลงบ่อดินขนาด
200 -600 ตารางเมตร
หรืออนุบาลในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่
ประมาณ 40
- 50 ตารางเมตร
เนื่องจากลูกปลามีปริมาณมาก
จึงจะทำให้ลูกปลาเจริญเติบโตดี
ภาพที่
34
แสดงลักษณะปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์ต่างๆ
ที่มา : Koitoday.com (2005) . ภาพที่
35 ฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาคาร์พในประเทศไทย
ที่มา
: Puk (2011)
เอกสารอ้างอิง
นายเก๋า.
2547. เปิดห้องอาณาจักรปลาทอง.
ออนไลน์
2 มีนาคม 2554.
เข้าถึงได้จาก
http://www.ninekaow.
com/wbs/?action=view&sub=04&id=0000001
สุรศักดิ์
วงศ์กิตติเวชกุล.
2538. คู่มือการเลี้ยงปลาทอง.
บริษัท
เอม ซัพพลาย
จำกัด กรุงเทพฯ. 194 หน้า. Aquariacentral.com.
2010. Sexing
goldfish (with
photos).
OnLine http://www.aquariacentral.com/forums/showthread.php Bailey
M., and G. Sandford. 2000. Aquarium Fish. Hermes House. New
York
. 128 pp. Coffey, D. J. 1977. The Encyclopedia of Aquarium Fishes in Color. Areo Publishing
Company,
Inc., Dutta, R. 1972. Tropical Fish. Mandarin
Publishers Limited.
Fish949. 2011. สิงห์ดำตามิด.
ออนไลน์
2 มีนาคม 2554.
เข้าถึงได้จาก
http://www.ninekaow.com/
members/?action=view&area=wbs&name=Fish949 Frank, S. 1969. The Pictorial Encyclopedia of Fishes. Hamlyn. London. 552 pp. Free-pet-wallpapers.com
.
2012. Aquarium-fish-pet-wallpapers's
free pet desktop themes.
OnLine Jesada. Koitoday.com. 2005. ตลาดนัด ซื้อ-ขาย ปลาคาร์พ. ออนไลน์ 2 มีนาคม 2554. เข้าถึงได้จาก :
http://www.koitoday.com/ Pirun.ku.ac.th. 2010. สายพันธุ์ปลาทอง. ออนไลน์ 22 มีนาคม 2553. เข้าถึงได้จาก: http://pirun.ku.ac.th Pet Goldfish.
2010. Telescope-Eye
Goldfish. OnLine
http://www.petgoldfish. Siamaquarium.com.
2010.
Fish. OnLine
com/web/app_modules/products/index.php?groupID=2&pageID=1 Vermilliongoldfishclub.com.2006.
Goldfish
Diary- http://vermilliongoldfishclub.com/diary/images/chinawish/fzf-m1.jpg
|